Tuesday, May 12, 2015

Power Transforming.

Power Transforming การเปลี่ยนอำนาจ
การจัดการความรุนแรงแบบ Power Transforming.
            
ปัญหาความขัดแย้ง เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับทุกสังคม ไม่ว่าจะเป็นสังคมมนุษย์ สังคมสัตว์ แม้กระทั่งในนิทานหรือตำนานต่างๆ  และมักจะมีอยู่ในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับส่วนบุคคล กลุ่มบุคคล ชุมชน สังคม ระดับชาติ หรือนานาชาติ และแน่นอนผลพวงของความขัดแย้งย่อมนำมาซึ่งความรุนแรงเสมอไป หากไม่ได้รับการการแก้ไขอย่างถูกต้อง Creative Conflict Resolution หรือการแก้ไขความขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์ เป็นวิชาที่รวบรวมรูปแบบของความขัดแย้งต่างๆจากทั่วโลก และเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น เพื่อป้องกันความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น โดยได้จำแนกความรุนแรงไว้ 3 ประเภท ได้แก่

1) ความรุนแรงทางตรง หมายถึงการใช้กำลังประทุษร้ายต่อร่างกาย  จิตใจ หรือทรัพย์สิน รวมทั้งวิธีการข่มขู่คุกคามต่างๆ การด่าทอ ตะคอกหรือเหน็บแนม เป็นต้น

2) ความรุนแรงเชิงโครงสร้าง  หมายถึงโครงสร้างหรือระบบการปกครอง นโยบาย  กฎหมายต่างๆ รวมทั้งโครงสร้างทางสังคมที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน โดยมักมีสาเหตุมาจากการถูกบีบบังคับ หรือชักจูงเพื่อให้มีการออกแบบโครงสร้างที่เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมักเป็นคนกลุ่มเล็ก โดยมีผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างคนออกแบบโครงสร้าง กับกลุ่มสนับสนุน ขณะเดียวกันโครงสร้างที่เอื้อต่อกลุ่มหนึ่ง มักจะกระทบต่ออีกกลุ่มหนึ่งเสมอที่เป็นคนส่วนมาก ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม เช่น นักลงทุนล๊อบบี้ให้ตัวแทนรัฐบาลออกกฎหมายให้เอื้อต่อการประกอบธุรกิจของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นสัมปทานเหมืองแร่, การประมูลสร้างเขื่อน, การผูกขาดทางการตลาดเป็นต้น โดยอาจมีการเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์กันภายใน แต่จะมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ต้องคอยแบกรับภาระและผลกระทบที่จะตามมา และยากที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมหรือแก้ไขระบบดังกล่าวได้ เพราะส่วนใหญ่ก็เรียกร้องขอความเป็นธรรมต่อรัฐบาล  แต่ทั้งรัฐบาลและนายทุนก็ต้องป้องกันตัวเองจากสิ่งที่ได้ทำไว้เช่นกัน

3) ความรุนแรงทางวัฒนธรรม หมายถึงความรุนแรงทั้งทางตรงและทางอ้อมที่มีสาเหตุมาจากวัฒนธรรม และสามารถสร้างความแตกแยกร้าวลึกในสังคมได้ วัฒนธรรมในที่นี้หมายถึงวัฒนธรรมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นศาสนา, ประเพณี, ทัศนคติ, วัฒนธรรมการใช้ชีวิตของมนุษย์ เช่น คนเรายังสูบบุหรี่และดื่มเหล้าทั้งที่ทราบถึงผลกระทบที่จะตามมา, การบริโภคอาหารที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เพียงเพราะค่านิยม, วัฒนธรรมการแสดงออกหรือความรับผิดชอบทางสังคม  การสร้างมายาคติแบบเหมารวมกลุ่ม (Stereotype) หรือการตราหน้าคนทั้งกลุ่มว่าเป็นคนเลว ทั้งที่มีคนทำผิดแค่คนเดียว เป็นต้น  ที่กล่าวมานี้ล้วนแต่เป็นชนวนเหตุแห่งความขัดแย้งได้ทั้งสิ้น

ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ที่อำนาจเหนือกว่า กระทำต่อผู้ที่ด้อยอำนาจกว่า ดั้งนั้น หนึ่งในวิธีการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์ คือการเรียนรู้การจัดการอำนาจที่เป็นสร้างความรุนแรง ด้วยการเปลี่ยนแปลงอำนาจนั้นๆ 

Power Transforming การเปลี่ยนอำนาจ (พลัง)
 
เป็นวิธีการจัดการกับความรุนแรงโดยการเปลี่ยนแปลง  ลดทอน หรือผ่อนถ่ายอำนาจจากร้ายให้กลายเป็นดี ตัวอย่างเช่น  "เรื่องราวของอาจารย์สาวคนหนึ่ง ในประเทศคอสตาริก้า คืนนั้นเธอต้องกลับจากมหาวิทยาลัยดึกกว่าปกติ พร้อมหอบหนังสือกองโตมาด้วย ระหว่างทางที่เป็นซอยเปลี่ยว เธอได้ยินเสียงฝีเท้าตามมาเร็วมาก และเร็วผิดปกติ เธอจึงรู้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้น  ทันใดนั้นจึงตัดสินใจหยุดเดินและหันหลังกลับไป พร้อมทั้งส่งยิ้มให้ผู้ชายแปลกหน้าคนนั้น  แล้วกล่าวว่า "โอ้พอดีเลย  คุณจะเดินไปทางนั้นใช่ไหมค่ะ  ดิฉันรบกวนช่วยถือหนังสือให้หน่อยได้ไหมค่ะ? " ผู้ชายคนนั้นมีท่าทีอ่อนลง และยอมหอบหนังสือไปส่งเธอจนพ้นปากซอย และแยกย้ายกันไป"   ความจริงแล้วผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะทำร้ายอาจารย์สาวคนนี้ แต่ทันทีที่เทอหันหลังกลับแล้วส่งยิ้มให้ ทำให้ชายคนดังกล่าวทำอะไรไม่ถูก และได้สัมผัสถึงความดีใจตัวเอง จึงทำให้พลังหรืออำนาจที่ปองร้ายในตอนต้นเบาลง และหยุดแผนการที่จะทำร้ายคนอื่น

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงอำนาจ ยังหมายรวมถึงการสร้างอำนาจ เสริมพลัง หรือสร้างความมั่นใจได้ด้วยเช่นกัน หรืออาจกล่าวได้ว่า การเปลี่ยนแปลงพลังอำนาจ จากรูปแบบหนึ่งสู่อีกแบบ เพื่อการจัดการความขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์ เหมาะสมและไม่สร้างความขัดแย้งใหม่นั่นเอง