Thursday, March 12, 2015

ความหลากหลาย เป็นภัยต่อความมั่นคง จริงหรือ?

เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา พล.ร.อ.ณรงค์  พิพัฒนาศัย รมว.กระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของการทรวงศึกษาธิการ ว่า ได้มีคำสั่งให้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กลับไปทำการศึกษาข้อดีข้อเสียของการสอนรูปแบบทวิภาษา โดยให้ผลหลายประการตั้งแต่ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา ไปจนถึงความมั่นคงของชาติ

การจัดการเรียนการสอนแบบทวิภาษา คือการจัดการเรียนการสอนแบบสองภาษาในห้องเรียนเดียวกัน สำหรับพื้นที่ที่นักเรียนใช้ภาษาแม่หรือภาษาท้องถิ่นเป็นหลักก่อนเข้าเรียนในระดับการศึกษาชั้นปฐมวัย และชั้นประถมศึกษาตอนต้น โดยจะมีครูที่ใช้ภาษาท้องถิ่นคอยแปลคำสอนจากภาษาไทยเป็นภาษาท้องถิ่น เพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจในเนื้อหาการเรียนมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเด็กที่อ่านเขียนภาษาไทยไม่ได้ เนื่องจากไม่มีพื้นฐานภาษาไทยเท่าที่ควร เมื่อต้องปรับเปลี่ยนมาใช้ภาษาไทยในโรงเรียนโดยทันที ก็ทำให้ไม่เข้าใจเนื้อหาการเรียนเหมือนเด็กทั่วไปที่มีพื้นฐานภาษาไทยดีอยู่แล้ว การจัดการศึกษาในรูปแบบนี้ประสบผลสำเร็จอย่างมากในพื้นที่นำร่อง เช่นโรงเรียนวัดวังก์วิเวการาม อ.สังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่เป็นชาวมอญ และกะเหรี่ยงโพล่ง มีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาสูงกว่าค่ามาตรฐานที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดไว้ทั้งโรงเรียน  และยังมีพื้นที่อื่นๆในภาคเหนือตอนบน ที่นำรูปแบบการสอนทวิภาษาไปใช้ในโรงเรียน ก็ยืนยันว่าประสบผลสำเร็จอย่างดีเช่นกัน

ความแตกต่างทางภาษา ถือเป็นความหลากหลายทางวัฒนธรรม  และความหลากหลายทางเชื้อชาติที่งดงามอีกอย่างหนึ่ง การที่รัฐบาลไทยจะอ้างถึงความมั่นคงนั้น คงขึ้นอยู่กับขีดความสามารถและมุมมองในการจัดการปกครองมากกว่า ยกตัวอย่างประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นประเทศเล็กๆ มีประชากรประมาณ 8 ล้านคน ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยประเทศมหาอำนาจอย่างยังเยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลีเป็นต้น ใช้ภาษาราชการถึง 4 ภาษา ได้แก่ ภาษาอิตาเลียน ฝรั่งเศส  เยอรมัน และภาษาสวิสต์โบราณ(โรมัน)  กลับเป็นประเทศที่มีความมั่นคงสูงสุดในสภาวะสงครามโลกทั้งสองครั้ง โดยได้ดำเนินนโยบายไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และถูกทาบทามให้เป็นตัวกลางในการเจรจาปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศต่างๆในแถบยุโรปด้วย และด้วยนโยบายทางการเงินการธนาคารที่เข้มแข็ง สวิสก้าวขึ้นเป็นประเทศที่รุ่งเรืองและมีความมั่นคงในลำดับต้นๆของทวีปยุโรป ปัจจุบันประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีรายได้เฉลี่ยประชากรต่อคนสูงเป็นอันดับต้นๆของโลก และยังเป็นประเทศเล็กๆที่ยังใช้สกุลเงินเป็นของตนเอง (สวิสฟรังค์) และค่าเงินบาทก็ไม่ผกผันตามกระแสโลกมากนัก และไม่ต้องแปลกใจเมื่อเมื่อชื่อย่อของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็น CH เนื่องจากประเทศสวิส มีความหลากหลายทางเชื้อชาติพอสมควรเพื่อไม่ให้เอาใจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จึงใช้คำว่า Confederation Helvetica : CH หรือสมาพันธ์เฮลเวติ เนื่องจากดินแดนแห่งนี้เคยเป็นดินแดนดั้งเดิมของชาวเฮเวตินั่นเอง  เพื่อเป็นการหลอมรวมความเป็นหนึ่งเดียวกันของชาติ โดยคงความหลากหลายไว้ ไม่ใช่เพื่อหลอมละลายให้เป็นหนึ่งเดียว  ประเทศไทยเอง ก็เคยใช้คำว่า สยาม ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นคำว่า "ไท"   และเติม "ย" จนกลายเป็น ประเทศไทย  ในปัจจุบัน

ความหลากหลายทางเชื้อชาติ  ภาษาและวัฒนธรรม มีอยู่ทั่วทุกหนแห่งบนโลกใบนี้ อยู่ที่มุมมองของแต่ละคนที่จะมองว่าเป็นความแตกต่างที่สวยงาม  หรือเป็นความแปลกแยกที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ อย่างที่รัฐบาลไทยกำลังคิดอยู่

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
1) สำนักข่าวเดลินิวส์ รายงานเรื่อง พาดหัวข่าว "ณรงค์ สั่งทบทวนการสอนทวิภาษา"
http://www.dailynews.co.th/Content/education/305393/%E2%80%9C%E0%B8%93%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E2%80%9D+%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2?fb_action_ids=646427695462659&fb_action_types=og.comments

2) นักข่าวพลเมือง ไทยพีบีเอส ตอน "

ชนเผ่าพื้นเมืองกับการจัดการศึกษาโดยภาษาแม่ ออกอากาศวันที่ 3มี.ค.58 "

https://www.youtube.com/watch?v=fSwUvKECvMQ

3).รายการพันแสงรุ้ง ไทยพีบีเอส ตอน "

ทวิภาษากะเหรี่ยงโปว์"
https://www.youtube.com/watch?v=w9QBpW0_MyA 






ประเภทของการสื่อสาร

เมื่ออยู่ร่วมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป มนุษย์เราจำเป็นต้องมีการสื่อสารกัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจระหว่างกัน โดยสามารถแบ่งการสื่อสารออกเป็นสองประเภทหลักๆ คือ

1. Direct Communication การสื่อสารแบบตรงไปตรงมา เน้นคำพูดที่กระชับ ตรงประเด็น มุ่งเน้นความต้องการหรือเป้าหมายเป็นหลัก (focus on target)

2. Indirect Communication การสื่อสารทางอ้อม มักเริ่มต้นด้วยการทักทาย พูดจาปราศรัยเรื่องทั่วไปก่อน แล้วค่อยๆโน้มเข้าหาประเด็นที่ต้องการสื่อสาร วิธีการนี้ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างคนที่สื่อสารกัน (focus on relation)



แต่ขณะเดียวกันเมื่อคนเราอยู่ร่วมกันในสังคมที่กว้างขึ้น ย่อมมีวิธีการสื่อสารและรูปแบบการสื่อสารที่หลากหลายมากขึ้น ปัจจัยที่ส่งผลต่อความแตกต่างของรูปแบบการสื่อสาร อาจขึ้นอยู่กับสถานการณ์ หรือกาลเทศะ บุคลิกของแต่ละคน หรือพื้นหลังของวัฒนธรรมและภาษาที่แตกต่างกัน รวมทั้งเจตนาในการสื่อสารนั้นๆด้วย เช่นต้องการสื่อสารเพื่อให้ได้สิ่งที่ตนต้องการ, เพื่อสร้างความเข้าใจ, เพื่อสร้างความสัมพันธ์ หรือสื่อสารเพื่อแสดงอำนาจ เป็นต้น โดยสรุปได้ 9 ประเด็นหลัก ได้แก้

1.Self-Approving  มั่นใจตนเอง 
เป็นบุคลิกของคนที่มีความมันใจในตนเองสูง เชื่อมั่นในความรู้ความสามารถของตนเอง  เป็นคนกล้าตัดสินใจ ชอบเป็นผู้นำ เป็นคนพูดตรงไปตรงมา  แต่อาจไม่ชอบรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น

2.Aggressive Communication สื่อสารแบบก้าวร้าว ดุดัน
คนประเภทนี้ใช้คำพูดสั้นๆ กระชับแต่ดุดัน บางครั้งก็เป็นการแสดงออกแบบก้าวร้าวเมื่อไม่พอใจ หรือเห็นว่าความคิดของตนเองถูกกว่า ต้องการเอาชนะและไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ 

3.Talkative-Dramatic คนช่างพูด 
เป็นคนที่ใช้คำพูดในการสื่อสารเป็นหลัก ช่างพูด หรือพูดมาก เจ้าบทเจ้ากลอน  ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูด หรือบางทีก็อาจจ้ำจี้จ้ำไชจนคนอื่นรำคาญ แต่หากพูดโดยไม่ใช้อารมณ์ ก็จะเป็นคนที่สื่อสารทางอ้อม สามารถสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้

4. Helping ช่วยเหลือเกื้อกูล  
เป็นประเภทที่รักษาน้ำใจฝ่ายตรงข้ามก่อน ด้วยการอาสาให้ความช่วยเหลือ ให้ความร่วมไม้ร่วมมือกับผู้อื่น คนประเภทนี้มักเป็นที่รักใคร่ ใครๆก็อยากคบหาสมาคม 

5.Altruistic เห็นแก่ผู้อื่น  
คนประเภทนี้ รับฟังความเห็นและความต้องการของผู้อื่นเป็นหลัก  มีความเสียสละสูงในสังคม แต่บางครั้งก็อาจเป็นคนไม่กล้าแสดงออก และอาจถูกเอาเปรียบได้เพราะเอาแต่ยอมคนอื่น

6. Needy-Dependent  แล้วแต่ผู้อื่น
ไม่กล้าตัดสินใจ ไม่มีความมั่นใจในตนเอง ต้องคอยปรึกษาและขอความเห็นจากผู้อื่นตลอดเวลา มีความขี้เกรงใจสูง

7. Assertive - Controlling แน่วแน่- ชอบออกคำสั่ง
มีคนที่มีความคิดแน่วแน่ แต่ชอบออกคำสั่งต่อผู้อื่น มีความเป็นผู้นำ แต่ถ้ามากไปก็จะกลายเป็นคนบ้าอำนาจ ต้องการสื่อสารเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์หรือสิ่งที่ตนเองต้องการ

8. Distance รักษาระยะห่าง
ต้องศึกษาหาข้อมูลก่อนที่จะสื่อสารกับผู้อื่น หรือเป็นคนที่มักถอยออกห่างจากกลุ่มหรือวงสนทนาเมื่อเห็นว่าเริ่มมีความขัดแย้ง หรือไม่เอาด้วยเลยหากความเห็นไม่ตรงกันเป็นต้น

นอกจากแปดข้อที่กล่าวมาแล้ว ยังมีอีกหนึ่งการสื่อสาร คือ Body expression การแสดงออกทางกาย หรือภาษากาย สามารถสื่อสารได้หลายรูปแบบ ทั้งอารมณ์ ความรู้สึก เช่น ยิ้ม  หัวเราะ หรือปรบมือ เมื่อชอบหรือเห็นด้วย  หรือแสดงออกถึงความไม่พอใจด้วยการทำท่าสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น ชูกำปั้น ทำท่ามือปาดคอ หรือการชูนิ้วกลางแบบฝรั่งเป็นต้น รวมถึงการเงียบใส่คู่สนทนา ก็ถือเป็นการสื่อสารชนิดหนึ่งด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้คนเราอาจมีบุคลิกในการสื่อสารได้หลายรูปแบบในคนเดียวกัน หรืออาจนอกเหนือจากที่กล่าวมาก็ได้ ซึ่งการสื่อสารแต่ละประเภทก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเอง  แล้วแต่เราจะเลือกใช้ให้เหมาะกับบุคคล และกาลเทศะครับ