Saturday, June 6, 2015

Elephant Metaphor ตาบอดคลำช้าง

ตาบอดคลำช้าง "รัฐบาล  คนจน และชนชั้นกลาง"
 เมื่อคนเรามีความแตกต่างในบทบาท   ต่างจุดยืน  ต่างมุมมอง  ต่างการรับรู้ แม้จะเป็นของสิ่งเดียวกัน ก็อาจเกิดความเข้าใจที่คาดเคลื่อนและผลสรุปที่แตกต่างกันได้ ดังเช่นนิทานเรื่องคนตาบอดที่ไม่เคยเห็นช้างมาก่อน มาสัมผัสช้างในจุดที่แตกต่างกัน ก็ให้คำตอบที่แตกต่างกัน คนที่จับขาช้าง  บอกว่าช้างคือเสา  คนที่จับหางช้าง บอกว่าช้างก็เหมือนเชือกนั่นแหละ ส่วนอีกคนที่จับงวงช้าง ก็มั่นใจว่าช้างนั้นคืองูตัวใหญ่ เป็นต้น

เมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์บ้านเราขณะนี้ ก็คงเหมือนกันโดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการทวงคืนผืนป่า  ด้วยการตัดต้นยางพาราและไล่ยึดที่คืนเป็นของรัฐ เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าให้กับประเทศที่นับวันก็ยิ่งเหลือน้อยลงทุกที ในมุมมองของรัฐบาล ก็ต้องทำหน้าที่ในการปกป้องทรัพยากรของชาติอย่างเต็มที่ โดยยึดถือกฎหมายเป็นหลัก ทุกการดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมาย หรือภายใต้มาตรา 44 ถือว่ามีความชอบธรรมโดยสมบูรณ์ ส่วนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ก็มองว่านโยบายบายนี้ไม่เป็นธรรมเสียเลย  เป็นเพราะรัฐเองที่ไม่ใส่ใจเรื่องการจัดทำขอบเขตที่ดินให้จัดเจนตั้งแต่ตอนต้น  บางชุมชนอาศัยอยู่มาก่อนการประกาศพื้นที่อนุรักษ์ นี่หรือคือการคืนความสุขให้ประชาชน ด้วยการทำลายสิ่งที่ชาวบ้านสร้างมาทั้งชีวิต  ส่วนที่น่ากลัวที่สุดคือกลุ่มคนที่อยู่ตรงกลาง รับฟังข่าวสารจากสื่อต่างๆ ที่จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ใส่สีใส่ไฟกันไป บ้างก็เห็นใจชาวบ้าน บ้างก็เห็นด้วยกับรัฐบาลว่าควรจัดการพวกละเมิดกฎหมายให้เด็ดขาดกันไป ต่างฝ่ายต่างแสดงความเห็นโต้ตอบกันอย่างดุเดือดและไร้ความรับผิดชอบบนพื้นที่สื่อออนไลน์  แต่มีกลุ่มหนึ่งที่ไม่กล้าเปิดเผยตัวจริง นั่นคือกลุ่มนายทุน พวกนี้คือพวกฉวยโอกาสตัวจริงและรู้ทางหนีทีไล่ และฉลาดพอที่จะหลบกระแสสังคมอย่างเงียบๆ เพราะรู้ว่าไม่เป็นผลดีแน่หากออกมาตีปี๊บโต้ตอบ เพราะจะโดนเล่นงานจากทั้งรัฐบาล ชาวบ้านและกลุ่มคนส่วนใหญ่ ที่นายทุนทำกันก็แค่เงียบไว้ แล้วรอให้กระแสดับไปเมื่อไร ก็กลับมาเขมือบป่าอีกที นี่ต่างหากที่อาจเป็นรากเหง้าของปัญหาที่แท้จริง

เพื่อให้ได้รูปร่างช้างที่สมบูรณ์คนตาบอดต้องนำมาเล่าสู่กันฟังอย่างเปิดใจ และประกอบเข้าดด้วยกัน เช่นเดียวกับการแก้ปัญหาในขณะนี้ เพื่อให้เข้าใจปัญหาที่แท้จริง และแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด รัฐบาลจะต้องเปิดใจรับฟังความคิดเห็น กับผู้ที่มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม และร่วมพิสูจน์ข้อเท็จจริงอย่างเป็นธรรม (ลงมือปฏิบัติจริง)  เพื่อมาประกอบภาพของปัญหาและหาทางออกที่ยั่งยืนร่วมกัน ทำดั่งนี้ได้สังคมจึงจะมีความเป็นธรรม คนที่ผิดก็ว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมาย ส่วนชาวบ้านตาดำๆก็จะได้นอนหลับสบายไม่ต้องผวา หลับๆตื่นๆ เช่นทุกวันนี้

ที่น่าห่วงที่สุดคือการแก้ไขปัญกหาที่ไม่ตรงเหตุ มักนำไปสู่วงจรปัญหาใหม่และใหญ่กว่าเสมอ เหมือนกินยาไม่ถูกโรคย่อมมีผลข้างเคียง ชาวบ้าน หรือคนจนจำนวนมากจะรู้สึกว่าถูกกดขี่ และไม่ได้รับความเป็นธรรม และกำลังโดนแย่งชิงสิ่งที่สร้างสมมาอย่างยากเข็ญไปต่อหน้าต่อตา  และเมื่อมาถึงจุดหนึ่งที่พวกเขาไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไป  ลองคิดดูว่าคนจนจำนวนมากของประเทศเขาจะหาทางออกอย่างไร

ขอบคุณภาพจาก dhamadelivery.com

No comments:

Post a Comment