Thursday, September 10, 2015

บทเรียนของชาวสวิส กับการพยายามควบคุมธรรมชาติ

Winterthur คือเมืองหนึ่งในเขตปกครองของรัฐซูริค มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายทั้งสิ่งก่อสร้างแบบดั้งเดิม ห้างสรรพสินค้า แต่ที่จะกล่าวถึงนี้คือ สถานที่หนึ่งที่อยู่ห่างออกไปจากตัวเมือง Wintertur ประมาณ 40 นาที โดยรถประจำทาง  ชื่อศูนย์ธรรมชาติ ธูราเอวน  Naturzentrum Thurauen ซึ่งเป็นศูนย์ศึกษาธรรมชาติแบบครบวงจร  ที่แสดงให้เห็นระบบนิเวศน์ของธรรมชาติและสะท้อนมุมมองการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งบทเรียนของชาวเมือง วินเทอร์ทัวร์ ที่ผ่านมาด้วย  ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือการพยายามจัดการน้ำครับ

เมืองวินเทอร์ทัวร์มีแม่น้ำสำคัญไหลผ่านสองสาย  แม่น้ำใหญ่ ชื่อแม่น้ำเรน  ส่วนสายรองชื่อแม่น้ำทัวร์ แม้จะมีขนาดเล็กกว่าแต่ก็มีความสำคัญค่อนข้างมาก  เพราะเป็นแม้น้ำที่หล่อเลี้ยงเกษตรกรที่ผลิตอาหารให้เมืองนี้
(1) ภาพปี 19-- แม่น้ำทัวร์ คือสายที่คดเคี้ยว ทิศทางการไหลจากขวาไปซ้าย
ภาพด้านบนนี้คือภาพเดิมก่อนที่จะมีการขุดลอกลำคลอง ในช่วงนั้นจะมีกระแสน้ำหลากตามธรรมชาติระบบริเวศน์ยังสมบูรณ์เต็มที่  หากดูภาพวาดด้านล่างประกอบจะเห็นได้ชัดเจนขึ้น  ระดับที่สีน้ำเงินเข้ม คือระดับปกติของแม่น้ำ สูงขึ้นมาบริวณตะลิ่ง จะเป็นพื้นที่รองรับน้ำหลากอันดับแรก บริเวณนี้จะมีหญ้าเนื้อเหนียวบางประเภทขึ้นอยู่  และมีกรวดหินเล็กใหญ่เรียงราย  เป็นที่วางไข่ของนกท้องถิ่นบางประเภท ระยะถัดขึ้นมา เป็นพื้นที่น้ำท่วมสูง ที่ระดับนี้จะมีไม้ยืนต้นเนื้ออ่อน และชุ่มน้ำขึ้นอยู่ ซึ่งต้นไม้เหล่านี้จะเป็นเกราะกำบังไม่ให้น้ำกัดเซาะชายฝั่ง  ทั้งยังทำหน้าที่ดูดซับและกรองน้ำอย่างดีด้วย  ส่วนด้านบนสุดปกติน้ำท่วมไม่ถึง จะเป็นพื้นที่ของไม้ยืนต้นเนื้อแข็ง  เช่นต้นสน  และเป็นพื้นที่ป่าให้สัตว์ป่าต่างๆอยู่อาศัย
(2) ภาพแสดงพื้นที่น้ำหลากและประเภทของพืชริมน้ำ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ผังเมือง ซูริค อยากจัดการทุกอย่างให้เป็นระบบ และเพื่อป้องกันน้ำหลาก จึงได้มีการฝังแผ่นคอนกรีตครั้งใหญ่ ประกบทั้งสองฝั่งของแม่น้ำ เพื่อดัดแม่น้ำที่มีความคดเคี้ยวให้ตรงเหยียด เหมือนไม้บรรทัด แต่ผลกระทบที่มาอย่างคาดไม่ถึงในระยะแรกคือ กระแสน้ำเชี่ยวกราก ถึง 130 กม.ต่อชั่วโมง เนื่องจากไม่มีโค้งน้ำชะลอความเร็ว  พื้นที่เกษตร (ส่วนโค้งด้านขวาของภาพ ที่ 3) ก็ถูกน้ำท่วมแบบฉับพลันสร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก  ระยะยาวคือสัตว์หลายชนิดหายไปเช่น นกบางประเภท ที่ไม่มีริมตลิ่งให้วางไข่ หรือไม้เนื้ออ่อนริมน้ำแห้งตายไป ต่อมาเนื้อดินทั้งสองฝั่งแม่น้ำเริ่มแห้งและด้อยคุณภาพลง  ไม่เอื้อต่อการเพาะปลูกเหมือนเช่นเคย

(3) ภาพหลังจากการฝังคอนกรีต
 ด้วยเหตุนี้ ทางรัฐจึงได้ตระหนักถึงผลกระทบจากการพยายามแทรกแซงและควบคุมธรรมชาติ จึงได้มีโครงการรื้อถอนคอนกรีตทั้งหมดออก แล้วตัดต้นไม้บางจุดออก เพื่อเปิดหน้าดินให้น้ำกัดเซาะบริเวณดังกล่าว ให้กลับมาเป็นโค้งเหมือนเดิม
(4) ภาพถ่ายทางอากาศปี 2008 หลังจากการรื้อถอนคอนกรีต และเปิดริมตลิ่ง
(5) ภาพถ่ายทางอากาศปี 2008 หลังจากการรื้อถอนคอนกรีต และเปิดริมตลิ่ง


(6) ภาพถ่ายปี 2012 เริ่มเห็นส่วนโค้งของแม่น้ำตรงจุดที่มีการเปิดตลิ่ง
(7) ภาพถ่ายปี 2013 เห็นส่วนโค้งของแม่น้ำได้อย่างชัดเจน  
หลังจากที่มีการรื้อถอนคอนกรีตออกจากริมแม่น้ำทั้งหมดแล้ว  แม่น้ำค่อยๆฟื้นคืนสภาพและเยียวยาตัวเองตามธรรมชาติ  จากผลการสำรวจล่าสุดพบว่า  กระน้ำเชี่ยวลดลง  ไม่มีน้ำท่วมฉลับพลัน  พืชพันธุ์และสัตว์ต่างๆ ที่เคยหายไปได้กลับคืนมา

จากกรณีดังกล่าวเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับชาวสวิสในการพยายามควบคุมธรรมชาติ  ปัจจุบันรัฐหันมาคำนึงถึงการพัฒนาที่ยั่งยืนมากขึ้น ดังนั้นปรเทศสวิตเซอร์แลนด์จึงเป็นประเทศร่ำรวยที่มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติค่อนข้างสูง  หากเทียบกับเนื้อที่ขนาดเล็กของประเทศ

No comments:

Post a Comment