Saturday, April 18, 2015

Inter Cultural Communication.

              บนโลกที่มีความหลากหลายทั้งด้านเชื้อชาติ ภาษา และวัฒนธรรม คนเราจะมีวิธีการสื่อสารกันอย่างไรบ้างให้เข้าใจและประสบผลสำเร็จ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วในสังคมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ก็จะมีวิธีการสื่อสารกันแตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย เช่น สถานะของผู้ส่งสารและผู้รับสาร กาลเทศะ หรือเป้าประสงค์ของการสื่อสารเป็นต้น เรามาดูกันว่ามีการแบ่งบุคคลิคในการการสื่อสารของคนเราไว้อย่างไรบ้าง

1) สบตา - ไม่สบตา  คุณเคยสังเกตตัวเองไหม ว่าปกติแล้วได้สบตาคู่สนทนาหรือไม่ โดยการประสานสายตาระหว่างคู่สนทนานั้น สามารถช่วยให้มีความเข้าใจกันมากขึ้น แสดงให้เห็นถึงความจริงใจหรือเอาจริงเอาจังในเรื่องที่กำลังพูดอยู่ แต่การหลบสายตา ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ดี บางครั้งอาจเกิดจากความประหม่า หรือเขินอายก็ได้ หรือในบางวัฒนธรรมผู้น้อยจะไม่ได้รับอนุญาตให้จ้องตาผู้อาวุโสขณะสนทนา

2) สัมผัส - ไม่สัมผัส ในที่นี้หมายรวมถึงวิธีการทักทายด้วย ว่าคุณมีวัฒนธรรมการทักทายอย่างไรบ้าง แบบสัมผัส หรือเพียงทักทายด้วยสายตาหรือคำพูด และระหว่างสนทนากัน บางคนอาจมีการสัมผัสฝ่ายตรงข้ามเช่น การลูบหัว เพื่อแสดงถึงความรักและเอ็นดู, การโอบไหล่ ลูบไหล่เบาๆ แสดงถึงการปลอบประโลม หรือให้กำลังใจ และการจับมือเขย่าเพื่อแสดงความขอร้อง หรือเชื่อมั่นเป็นต้น  ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยเท่านั้น ในความจริงอาจมีการสัมผัสเพื่อการสื่อสารอีกมากมายหลายรูปแบบแตกต่างกันไปตามเหตุผล

3) ตรงไปตรงมา - อ้อมค้อม  แม้ว่ามีวัฒนธรรม และภาษาเดียวกันก็ตาม โดยพื้นฐานแล้วคนเรามักจะมีการสื่อสารสองรูปแบบใหญ่ๆ คือ แบบตรงไปตรงมาเน้นไปที่เป้าหมาย  และแบบอ้อมค้อมซึ่งเน้นที่การรักษาความสัมพันธ์ระหว่างคู่สนทนา

4) แบบเส้นตรง - วงกลม การสื่อสารประเภทนี้ มักเป็นการสื่อสารเรื่องที่มีความยาว มีที่มาที่ไปหรือเป็นเรื่องเล่า แบบเส้นตรง จะมีการเรียบเรียงและเล่าตามลำดับเหตุการณ์ แล้วโยงเข้าสู่ประเด็น ส่วนแบบวงกลม จะเป็นการเล่าภาพรวมทั้งหมดของเหตุการณ์ โดยแฝงประเด็นสำคัญไว้ระหว่างเรื่อง ให้ผู้รับสารพิจารณาเอาเอง และมักจะไม่ระบุเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน การสื่อสารรูปแบบนี้ถือว่าเป็นการสื่อสารแบบประณีประณอมด้วย

5) แสดงอารมณ์ - เก็บอารมณ์ เป็นการสื่อสารที่ตรงข้ามกันอย่างชัดเจน ว่ามีการแสดงออกทางอารมณ์ขณะสื่อสารหรือไม่ ส่วนใหญ่คนเรามักมีทั้งสองรูปแบบในคนเดียวกัน เช่น บางคนสามารถควบคุมอารมณ์โกรธของตนเองระหว่างสนทนาได้ดี แต่บางทีก็แสดงออกอย่างชัดเจนเมื่อดีใจ หรือปลาบปลื้มเป็นต้น ซึ่งทั้งสองรูปแบบถ้ารู้จักควบคุมและใช้ให้ถูกที่ถูกเวลา ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการสื่อสารอย่างมากเลยทีเดียว

6) เอาตนเองเป็นที่ตั้ง - เน้นเพื่อส่วนรวม เป็นปกติของการสื่อสารบางคนอาจเน้นการสื่อสารเพื่อผลประโยชน์แก่ตนเอง หรือเน้นความเห็นตนเป็นหลัก ส่วนอีกประเภทจะใจกว้าง รับฟังความเห็นผู้อื่นก่อน แล้วค่อยแสดงความเห็นของตนทีหลัง และรับฟังเสียงส่วนใหญ่

7) อดีต - ปัจจุบัน - อนาคต  เป็นฐานความคิดที่ส่งผ่านสู่กระบวนการสื่อสารว่า ในขณะสื่อสารเราประมวลผลหรือมีความคาดหวัง จากอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต อย่างไหนมากกว่ากัน หรือพูดง่ายๆคือ เราเป็นคนที่อยู่กับอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต

8) เน้นเป้าหมาย - เน้นความสัมพันธ์ ในการสื่อสารบางคนอาจเน้นไปที่เป้าหมายเป็นหลัก หรือการสื่อสารแบบทางตรง ส่วนอีกประเภทจะให้ความสำคัญกับการรักาาความสัมพันธ์กับคู่สนทนา ส่วนใหญ่จะเป็นการสื่อสารทางอ้อม ประณีประณอม และไม่แสดงอารมณ์จนเกินไป

9) แนวตั้ง - แนวนอน  ในที่นี้หมายถึงการวางตัวของผู้สื่อสารว่าเป็นเช่นไร บางทีอาจเป็นโครงสร้างทางวัฒนธรรมของแต่ละชนชาติ เช่น แนวตั้ง คือมีการวางตัวกันแบบมีชนชั้นในสังคม ชั้นสูง หรือชั้นล่าง มีรูปแบบการสื่อสารที่ต่างกัน ตามกฎจารีตของสังคมนั้นๆ ส่วนการสื่อสารแบบแนวนอน คือ ทุกคนมีฐานะทางการสื่อสารระดับเดียวกัน หรือมีความเท่าเทียมกันในสังคมนั่นเอง


กิจกรรม
ลองตรวจสอบวัฒนธรธรรมในการสื่อสารของตนเอง โดยการลากเส้นตามภาพด้านล่างนะครับ ว่าเราใช้วิธีการสื่อสารแบบใดมากหรือน้อยกว่ากันอย่างไรบ้าง









No comments:

Post a Comment